หนูไม่เคยตั้งกระทู้ในพันทัปมาก่อนเลย ถ้าทำอะไรผิดไปต้องขอขอโทษไว้ก่อนเลยล่วงหน้านะคะ
หนูกำลังสับสนค่ะ กำลังไม่เข้าใจชีวิตตัวเอง และก็คิดว่าหลังจากเขียนกระทู้นี้เสร็จก็อาจจะไม่มีใครเข้าใจหนูเลยด้วยซ้ำ
เพราะหนูเองก็ยังไม่เข้าใจว่าหนูเป็นอะไร มีความคิดหลายอย่างมากในหัว แต่ไม่มีความสุขค่ะ หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
-------------------------------
ปัจจุบันหนูเป็นนักศึกษามหาลัยปีสองค่ะ มาจากครอบครัวที่มีฐานะพอประมาณ พ่อกับแม่ไม่ได้เรียนจบสูงแต่ท่านก็สร้างธุรกิจด้วยตัวเองจนมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ >>>หลังจากนี้หนูขอเล่าชีวิตของหนูตั้งแต่เด็กก่อนนะคะ<<< ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่ของหนูไม่เคยจ้ำจี้จ้ำไชหนูเรื่องการเรียนเลย ไม่เคยตีหรือลงโทษอะไรทั้งนั้น ท่านจะให้หนูเลือกทางการใช้ชีวิตเองเป็นส่วนมาก หนูเรียนดีมาตลอดค่ะ จนกระทั่งเริ่มขึ้นมัธยมก็เริ่มไม่สนใจการเรียน ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ก็ยังไม่ได้บังคับให้หนูตั้งใจเรียน ก็ปล่อยให้หนูใช้ชีวิตแบบที่หนูต้องการ พอเริ่มโตขึ้นไปอีก หนูเริ่มอยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆค่ะ แต่พ่อแม่ไม่ค่อยอนุญาติ หนูก็มักจะอารมณ์เสียบ้างอะไรบ้าง จนเริ่มโตขึ้นไปอีกประมาณม.5 หนูก็เริ่มหนีออกจากบ้านไปเที่ยวกลางคืนบ้าง แต่ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนะคะ ไปเที่ยวสังสรรค์นอนห้องเพื่อนแค่นั้นค่ะ เรื่องผู้ชายและยาเสพติดต่างๆ หนูไม่ยุ่งเลยค่ะ จนวันนึงพ่อแม่หนูจับได้ว่าหนูหนีออกจากบ้านไป ท่านก็โทรมาค่ะ ท่านถามว่า ออกไปไหนดึกๆดื่นๆและบอกให้หนูรีบกลับ พอหนูกลับมาถึงบ้านก็เดินเข้าไปในห้องนอนแม่ พอแม่เห็นเราแม่ก็ร้องไห้ พ่อก็นอนอ่านหนังสืออยู่ หันมาพูดแค่ว่า กลับมาแล้วหรอ รีบไปอาบน้ำนอนไป ใจเราตอนนั้นคิดตลอดนะคะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไปเที่ยวกับเพื่อนรู้ลิมิตตัวเอง ที่ผิดคือพ่อแม่ที่ไม่เชื่อใจเรา แต่ตอนนั้นเราเสียใจมากค่ะ ที่พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรเราสักคำ เราก็กลับมานอนร้องไห้ในห้องนอนของเราค่ะ ร้องไห้นานอยู่หลายวันทุกวัน โดยที่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม ไม่โดนท่านดุด่าหรือลงโทษก็ดีแล้ว แต่ไม่ค่ะ ตอนนั้นเสียใจอะไรไม่รู้ร้องไห้ทุกวัน จนถึงจุดๆนึง เราก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวค่ะ ว่าเพื่อพ่อแม่ เราจะตั้งใจเรียน แค่นั้นค่ะ มีแค่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมต้องตั้งใจเรียน แต่ตอนนั้นรู้แค่ว่า มาตั้งใจเรียนกัน หนูทำจริงๆค่ะ ตั้งใจเรียนอย่างหนักมากจริงๆ พ่อแม่หลังตากเหตุการณ์นั้นคือปล่อยหมดเลยนะคะ หนูอยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้แล้ว แค่ต้องโทรบอกแม่ค่ะว่าไปไหนอยู่ที่ไหน จะไปดื่มแอลกอฮอหรือทำอะไรกลับดึก ท่านยอมหมดค่ะ ขอแค่อย่างเดียวคือโทรบอกท่านว่าอยู่ตรงไหนที่ไหน ท่านบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นท่านจะได้รู้ว่าต้องไปหาเราที่ไหน ถ้ากลับดึกมากหรือมารับได้ท่านก็จะมารับค่ะ ก็มีออกไปเที่ยวบ้างแต่นานๆครั้งมากๆค่ะ แทบจะไม่ได้ไปเลย ปกติเลิกเรียนก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อถึงทุ่มสองทุ่ม ที่โรงเรียนเพื่อนยังไม่ค่อยได้เจอหน้า ถ้าพักหนูก็ไปอยู่ห้องสมุดไม่ก็ห้องคอม จนสุดท้ายหนูก็ได้มาเข้ามหาลัยที่หนูอยากเข้า มหาลัยที่อยู่ในท้อป3ของประเทศ ด้วยความภาคภูมิใจว่า สิ่งนี้เราทำให้ครอบครัว เราทำสำเร็จแล้วไปขั้นนึง พอเข้ามหาลัยมาทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ หนูมาอยู่หอแต่จะกลับบ้านทุกๆ สุดสัปดาห์ จากที่หนูเคยอยากได้อะไรก็ได้ เป็นไม่ได้ พ่อเริ่มไม่ค่อยใส่ใจหนูค่ะ หนูเข้าใจว่าท่านเริ่มมองว่าหนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนูผิดค่ะ ผิดที่หนูคิดว่า หนูเหนื่อยนะหนุอยู่ตรงนี้มีชีวิตแทบไม่มีชีวิต ไม่มีความสุขเลยสักวินาทีเดียว หนูจริงๆแล้วเป็นคนรักสนุกค่ะ ชอบความสนุกสาน ชอบสังสรรค์ ชอบหัวเราะ แต่นี่วันๆได้แต่อ่านหนังสือทำงานส่งครู ไปเที่ยวคืนเดียว หรือพักผ่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมงงานก็ทำไม่ทันแล้วค่ะ ต้องนอนเช้าเป็นประจำ หนูอยากให้อย่างน้อยได้รู้สึกเหมือนได้รับรางวัลจากสิ่งที่หนูเหนื่อยมาทั้งหมดบ้าง แต่ไม่ค่ะ หนูโตแล้วรางวัลเหล่านั้นหนูต้องหาด้วยตัวเอง พ่อแม่ของหนูคงไม่เข้าใจว่าหนูเหนื่อยหนูไม่มีความสุขกับสิ่งที่หนูทำอยู่หนูไม่เห็นค่าของสิ่งที่หนูทำอยู่ด้วยซ้ำ หนูแค่เห็นท่านทั้งสองคนมีค่าสำหรับหนู หนูมีคำถามตลอดเวลาค่ะ เวลานั่งอ่านหนังสือหนูสงสัยว่าอ่านไปทำไมท่องไปจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วพรุ่งนี้ก็จะเป็นอย่างงี้อีก อีกสองงปีก็จะยังเป็นอย่างนี้ หนูได้อะไรจากการทำแบบนี้? เวลาหนูออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วเงินไม่พอ หนูก็สงสัยอีกว่าทำไมหนูถึงมีมากกว่านี้ไม่ได้? พอเห็นคนอื่นถือกระเป๋าสวยๆแพงๆหนูสงสัยค่ะ ว่าทำไมหนูถึงไม่มีบ้าง? หนูเกลียดตัวเองค่ะ ที่เป็นแบบนี้ เกลียดตัวเองที่ทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ เกลียดตัวเองที่ไม่ยอมทำ หนูเกลียดที่มหาลัยทำให้ชีวิตของหนูเป็นแบบนี้ ที่ทำให้หนูเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้ ที่แย่ที่สุดในชีวิต ที่หนูเสียใจที่สุดในชีวิตเลย คือแม่ของหนูตั้งแต่โตมา ท่านไม่เคยต้องทำงานค่ะ แต่พอหนูมาเข้ามหาลัย ท่านก็เริ่มทำงาน ขายอาหารที่ตลาดนัด ท่านบอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรทำเลย หนูก็ไปอยู่หอ พี่สาวก็ทำงานไปแล้ว เหลือแต่น้องซึ่งลำพังขายอาหารที่นี่ท่านยังไปรับไปส่งน้องได้ รู้สึกแย่ค่ะที่ต้องเห็นแม่เหนื่อย รู้สึกแย่กับน้องด้วย เพราะน้องไม่ค่อยได้อยู่บ้านกับแม่ แม่ไปรับน้องมาส่งบ้านแล้วก็ไปทำงานต่อ บางทีก็ให้น้องกลับเอง ตอนหนู หนูเรียนพิเศษเสร็จก็จะนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีไกล้บ้านแล้วแม่ก็จะมารับที่สถานี รพชะหว่างนั้นก็จะได้คุยกับแม่เรื่องที่เรียนมาเรื่องอนาคตที่เราคิดไว้เรื่องมหาลัย หรือวันไหนเหนื่อยมากยืนรอแม่ไม่ไหวก็จะกลับเอง แต่กลับบ้านไปก็จะมีแม่ทำกับข้าวอยู่ กับข้าวเต็มโต้ะได้กินข้าวด้วยกัน แต่น้องไม่มีค่ะ ต้องกลับเอง กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไร มีแต่ข้าวที่พี่เลี้ยงทำไว้ให้ กินคนเดียว เสร็จก็ขึ้นห้องไปอยู่คนเดียว กลัวน้องจะรู้สึกขาดค่ะ หนูไม่อยากมาอยู่หอค่ะรั้งจนวินาทีสุดท้าย เพราะหนูอยากอยู่บ้านกับครอบครัว แต่มหาลัยอยู่ไกลจากที่บ้านมาก พ่อแม่มารับส่งไม่ไหวท่านเลยให้อยู่หอ ตอนนี้กลับบ้านไปไม่มีใครค่ะ มีแต่พี่เลี้ยงกับหมา แม่ไม่อยู่บ้าน พ่อยังไม่กลับบ้าน กลับมาก็แทบไม่ได้เจอเพราะท่านจะอยู่แต่ในห้องทำงาน ออกไปช่วยงานแม่ที่ร้านอาหารตลอดค่ะ แต่ที่นั่นหนูจะได้ทำการบ้านของมหาลัยน้อยมาก เลยอยู่บ้านซะส่วนใหญ่ กินข้าวที่พี่เลี้ยงทำ บางทีก็ไม่มีให้พี่เลี้ยงทอดไข่ให้บ้างผัดอะไรง่ายๆบ้าง กลับเข้าบ้านมาเห็นทีวีในห้องนั่งเล่นเหมือนเป็นแค่ของตกแต่งบ้าน เพราะไม่มีอีกแล้วช่วงเวลาที่ครอบครัวมานั่งดูทีวีด้วยกัน ทรูวิชั่นที่เคยติดแบบแพลตตินั่มเพราะที่บ้านชอบนั่งดูหนังด้วยกันมากๆ ตอนนี้เหลือแค่ช่องธรรมดา โต้ะในห้องนั่งเล่นจะเลี้ยงปลาทองไว้ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรค่ะ เหลือแต่โต้ะเปล่าๆ ปลาทองตายหมดแล้ว หมาเริ่มแก่ค่ะ ไม่มีใครพาไปหาหมดขนก็ไม่ได้ตัด เพราะไม่มีใครมีเวลา หนูจะพาไปก็ไม่มีเงินพอ แม่จะหยุดงานทุกวันจันทร์ค่ะ แต่วันจันทร์ถึงศุกร์หนูมีเรียนทุกวันถึงเย็นเพราะลงเรียนเต็มmax พอพยายามจัดตารางเรียนให้ว่างวันจันทร์ก็ทำไม่ได้เลยค่ะ ตารางพังหมด ไม่มีวันเลยค่ะที่จะได้นอนดูหนังกับแม่หรืออยู่บ้านทาเล็บกับแม่นอนเล่นหมากับครอบครัวไปเยาวราชกับพ่อแม่ ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา ไม่เคยเลยค่ะสักวัน ครอบครัวนับวันยิ่งขาดกันไปค่ะ มีวันนึงไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน เงียบทั้งโต้ะไม่รู้จะคุยอะไรดี หนูก็รับรู้นะคะ แต่ว่าหนูสนิทกับพ่อแม่เลยชวนคุยพูดคุยปกติ แต่ความรู้สึกที่เหมือนทุกคนพยายามทำให้เหมือนว่าทุกอย่างมันเมือนเดิม มันคือความไม่เหมือนเดิมค่ะ กลับบ้านทีไรหดหู่ใจทุกที รอแทบไม่ไหวที่จะให้สิ่งที่พยายามมาเห็นผล หันไปทางพ่อเห็นพ่อคนเดียวดูแลค่าใช้จ่ายทั้งบ้าน แค่คิดก็ร้องไห้แล้ว อยากเรียนจบไวๆให้ได้รู้ไปเลยว่าจะดูแลท่านทั้งสองได้ไหม อยากเอาชีวิตชีวาในบ้านกลับมา แต่ใจหนูไม่สู้แล้ว หนูเหนื่อย หนูกลัวว่าสิ่งที่เป็นเป้าหมายเดียวในชีวิตหนูจะทำมันไม่ได้ พอหนูเริ่มคิดมากขนาดนี้ หนูอยากหันไปหาใครสักคนค่ะ เพื่อนค่ะ หนูต้องการเพื่อน แต่ไม่มี หนูไม่มีใคร ชีวิตของหนูตอนเด็กเป็นชีวิตเพื่อนทุกคนอิจฉา พอเริ่มโตขึ้น หนูเริ่มเสียมันไปทีละอย่าง ต้องยืมเงินเพื่อน กินมาม่า รู้สึกแย่ที่คิดอะไรโง่ๆแบบนี้ แต่หนูรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น จากที่ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวทุกๆปิดเทอม ตอนนี้หนูไม่ได้ไปไหนค่ะ จะไปต่างจังหวัดยังได้เงินมา2000 แค่ค่าที่พักก็หมดแล้ว กับเมื่อก่อน ไปพัทยาได้มา6000 (จนถึงตอนนี้หนูอยากให้ทุกคนเข้าใจนะคะ ว่าหนูก็รับรู้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนที่2000ใช้ชีวิตได้ทั้งเดือน แต่อยากให้มองในมุมมองของหนูหน่อยค่ะ มองเข้ามาในสังคมที่หนูอยู่ เรื่องอื่นหนูประหยัดนะคะแต่ถ้ามาเที่ยวกับเพื่อนๆเค้าพักที่ไหนหนูก็พักที่นั่น เค้ากินที่ไหนหนูก็กินที่นั่น อยากให้ทุกคนมองตรงจุดนี้ค่ะ) หนูอาจจะเห็นแก่ตัว แต่พ่อแม่ของหนูให้ได้ค่ะ หนูไม่ได้ขอบ่อย ให้คิดว่าเป็นรางวัลให้หนูพักผ่อนก็ได้ แต่ไม่ได้ค่ะ หนูยิ่งรู้สึกเหมือนความสำคัญของหนูลดน้อยลง ตอนนี้ไม่เหลือแล้วค่ะ เหลืออย่างเดียวคือพ่อแม่ ที่ตอนนี้หนูเริ่มจะจับไว้ไม่อยู่แล้ว หนูคิดเสมอว่า เงินไม่พอใช้ไม่เป็นไร เรียนเหนื่อยไม่เป็นไร ขอแค่หนูยังสุขใจ แต่ไม่ค่ะ ตอนนี้ใจหนูก็ไม่มีความสุขอีกแล้ว เมื่อก่อนเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็ยังมีแม่มาห่มผ้าห่มให้ มีพ่อคอยถามว่าเหนื่อยมาก ตอนนี้ไม่มีค่ะ สิ่งที่หนูกลัวตัวเองมาตลอดคือ หนูคิดจะฆ่าตัวตายตลอดเวลา พอเผลอใจไปคิด หนูจะดึงพ่อแม่เข้ามาลบความคิดนั้นไป กลายเป็นว่า ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้วหนูก็จะตามท่านไปแน่นอน หนูอยากไปแล้วจริงๆ แต่แค่คิดว่าพ่อแม่จะเสียใจหนูก็ทนไม่ได้แล้ว หนูเริ่มกลัวว่าจะรักพ่อแม่น้อยลงแล้วลืมความจริงข้อนี้ไป เป้าหมายสูงสุดในชีวิตหนูอีกอย่างเลยคือ หนูอยากมีลูกค่ะ อย่างเลี้ยงลูกค่ะ แต่ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 21ปี ยังไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ แต่อันนี้ไม่เป็นปัญหาอะไรค่ะ เพราะคิดว่าจะรับเลี้ยงแบบลูกบุญธรรมเอาก็ได้ หนูมีหลายอย่างอยู่ในหัวเลยค่ะ ที่อยากจะเขียนเล่าเขียนบอกให้ทุกคนได้อ่านเผื่อจะช่วยหนูคิดได้ว่าอะไรมันคือปมของทุกอย่างกันแน่ หนูอยากเข้าใจตัวเองค่ะ แต่จะให้ไประบายความรู้สึกของตัวเองบนเฟสบุ้คหนูก็ไม่ชอบค่ะ ไม่ชอบเขียนอะไรลงให้คนอื่นรู้ ไม่อยากให้พ่อแม่และคนรอบตัวรู้ว่าหนูเป็นอะไรคิดอะไร ปัจจุบันหนูกำลังปล่อยตัวเองค่ะ หนูไม่เรียนโดดเรียนอยู่แต่ในหอนอนเฉยๆ ไม่อยากทำอะไรเลย นอนฟังเพลงเฉยๆในห้องค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หนูซื้อตั๋วไปเชียงใหม่ไปเที่ยวค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนสักที่นึงที่ไม่มีใครรู้จัก อยากไปที่ไกลๆ ที่ๆมีแต่เราคนเดียว ใจหนูเหมือนกระเป๋าที่เก็บเรียบร้อยแล้ว แต่ไปไม่ได้ เพราะชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น แต่ชีวิตนั้นสุดท้ายก็ต้องตาย ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหนื่อย หนูไม่รู้จะเหนื่อยไปทำไมสุดท้ายแล้วพ่อแม่ก็ต้องตาย หนูเองก็ต้องตาย ทุกคนก็ต้องตาย มีชีวิตอยู่ยิ่งจะต้องเสียใจ เหนื่อยจนตาย เด็กหลายๆคนอยากรีบโตค่ะ อยากรู้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเป็นยังไง หนนูก็เคยคิดค่ะ แต่ยิ่งเข้าไกล้เท่าไหร่หนูยิ่งกลัว หนูอยากจากไปตอนที่อย่างน้อยหนูก็ยังมีความสุขอยู่ หนูไม่อยากตายตอนกลับมาจากทำงานทั้งๆที่อยากไปเที่ยวรอบโลก ไม่อยากตายตอนที่รอให้หลานมาเยี่ยม ไม่อยากตายตอนที่นั่งกินข้าวคนเดียว..
อ่านมาจนถึงตอนนี้หนูรู้สึกขอบคุณมากนะคะ หนูรู้สึกเหมือนได้ระบายออกมา แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ว่ายังไม่หมดยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ในใจหนูแต่มันเขียนออกมาไม่ได้ หนูยินดีอ่านทุกคำติและคำแนะนำทุกอย่างนะคะ ขอบคุณค่ะ
*แก้คำผิดบางส่วนค่ะ
หนูว่าหนูต้องการความช่วยเหลือค่ะ
หนูกำลังสับสนค่ะ กำลังไม่เข้าใจชีวิตตัวเอง และก็คิดว่าหลังจากเขียนกระทู้นี้เสร็จก็อาจจะไม่มีใครเข้าใจหนูเลยด้วยซ้ำ
เพราะหนูเองก็ยังไม่เข้าใจว่าหนูเป็นอะไร มีความคิดหลายอย่างมากในหัว แต่ไม่มีความสุขค่ะ หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
-------------------------------
ปัจจุบันหนูเป็นนักศึกษามหาลัยปีสองค่ะ มาจากครอบครัวที่มีฐานะพอประมาณ พ่อกับแม่ไม่ได้เรียนจบสูงแต่ท่านก็สร้างธุรกิจด้วยตัวเองจนมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ >>>หลังจากนี้หนูขอเล่าชีวิตของหนูตั้งแต่เด็กก่อนนะคะ<<< ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่ของหนูไม่เคยจ้ำจี้จ้ำไชหนูเรื่องการเรียนเลย ไม่เคยตีหรือลงโทษอะไรทั้งนั้น ท่านจะให้หนูเลือกทางการใช้ชีวิตเองเป็นส่วนมาก หนูเรียนดีมาตลอดค่ะ จนกระทั่งเริ่มขึ้นมัธยมก็เริ่มไม่สนใจการเรียน ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ก็ยังไม่ได้บังคับให้หนูตั้งใจเรียน ก็ปล่อยให้หนูใช้ชีวิตแบบที่หนูต้องการ พอเริ่มโตขึ้นไปอีก หนูเริ่มอยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆค่ะ แต่พ่อแม่ไม่ค่อยอนุญาติ หนูก็มักจะอารมณ์เสียบ้างอะไรบ้าง จนเริ่มโตขึ้นไปอีกประมาณม.5 หนูก็เริ่มหนีออกจากบ้านไปเที่ยวกลางคืนบ้าง แต่ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนะคะ ไปเที่ยวสังสรรค์นอนห้องเพื่อนแค่นั้นค่ะ เรื่องผู้ชายและยาเสพติดต่างๆ หนูไม่ยุ่งเลยค่ะ จนวันนึงพ่อแม่หนูจับได้ว่าหนูหนีออกจากบ้านไป ท่านก็โทรมาค่ะ ท่านถามว่า ออกไปไหนดึกๆดื่นๆและบอกให้หนูรีบกลับ พอหนูกลับมาถึงบ้านก็เดินเข้าไปในห้องนอนแม่ พอแม่เห็นเราแม่ก็ร้องไห้ พ่อก็นอนอ่านหนังสืออยู่ หันมาพูดแค่ว่า กลับมาแล้วหรอ รีบไปอาบน้ำนอนไป ใจเราตอนนั้นคิดตลอดนะคะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไปเที่ยวกับเพื่อนรู้ลิมิตตัวเอง ที่ผิดคือพ่อแม่ที่ไม่เชื่อใจเรา แต่ตอนนั้นเราเสียใจมากค่ะ ที่พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรเราสักคำ เราก็กลับมานอนร้องไห้ในห้องนอนของเราค่ะ ร้องไห้นานอยู่หลายวันทุกวัน โดยที่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม ไม่โดนท่านดุด่าหรือลงโทษก็ดีแล้ว แต่ไม่ค่ะ ตอนนั้นเสียใจอะไรไม่รู้ร้องไห้ทุกวัน จนถึงจุดๆนึง เราก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวค่ะ ว่าเพื่อพ่อแม่ เราจะตั้งใจเรียน แค่นั้นค่ะ มีแค่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมต้องตั้งใจเรียน แต่ตอนนั้นรู้แค่ว่า มาตั้งใจเรียนกัน หนูทำจริงๆค่ะ ตั้งใจเรียนอย่างหนักมากจริงๆ พ่อแม่หลังตากเหตุการณ์นั้นคือปล่อยหมดเลยนะคะ หนูอยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้แล้ว แค่ต้องโทรบอกแม่ค่ะว่าไปไหนอยู่ที่ไหน จะไปดื่มแอลกอฮอหรือทำอะไรกลับดึก ท่านยอมหมดค่ะ ขอแค่อย่างเดียวคือโทรบอกท่านว่าอยู่ตรงไหนที่ไหน ท่านบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นท่านจะได้รู้ว่าต้องไปหาเราที่ไหน ถ้ากลับดึกมากหรือมารับได้ท่านก็จะมารับค่ะ ก็มีออกไปเที่ยวบ้างแต่นานๆครั้งมากๆค่ะ แทบจะไม่ได้ไปเลย ปกติเลิกเรียนก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อถึงทุ่มสองทุ่ม ที่โรงเรียนเพื่อนยังไม่ค่อยได้เจอหน้า ถ้าพักหนูก็ไปอยู่ห้องสมุดไม่ก็ห้องคอม จนสุดท้ายหนูก็ได้มาเข้ามหาลัยที่หนูอยากเข้า มหาลัยที่อยู่ในท้อป3ของประเทศ ด้วยความภาคภูมิใจว่า สิ่งนี้เราทำให้ครอบครัว เราทำสำเร็จแล้วไปขั้นนึง พอเข้ามหาลัยมาทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ หนูมาอยู่หอแต่จะกลับบ้านทุกๆ สุดสัปดาห์ จากที่หนูเคยอยากได้อะไรก็ได้ เป็นไม่ได้ พ่อเริ่มไม่ค่อยใส่ใจหนูค่ะ หนูเข้าใจว่าท่านเริ่มมองว่าหนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนูผิดค่ะ ผิดที่หนูคิดว่า หนูเหนื่อยนะหนุอยู่ตรงนี้มีชีวิตแทบไม่มีชีวิต ไม่มีความสุขเลยสักวินาทีเดียว หนูจริงๆแล้วเป็นคนรักสนุกค่ะ ชอบความสนุกสาน ชอบสังสรรค์ ชอบหัวเราะ แต่นี่วันๆได้แต่อ่านหนังสือทำงานส่งครู ไปเที่ยวคืนเดียว หรือพักผ่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมงงานก็ทำไม่ทันแล้วค่ะ ต้องนอนเช้าเป็นประจำ หนูอยากให้อย่างน้อยได้รู้สึกเหมือนได้รับรางวัลจากสิ่งที่หนูเหนื่อยมาทั้งหมดบ้าง แต่ไม่ค่ะ หนูโตแล้วรางวัลเหล่านั้นหนูต้องหาด้วยตัวเอง พ่อแม่ของหนูคงไม่เข้าใจว่าหนูเหนื่อยหนูไม่มีความสุขกับสิ่งที่หนูทำอยู่หนูไม่เห็นค่าของสิ่งที่หนูทำอยู่ด้วยซ้ำ หนูแค่เห็นท่านทั้งสองคนมีค่าสำหรับหนู หนูมีคำถามตลอดเวลาค่ะ เวลานั่งอ่านหนังสือหนูสงสัยว่าอ่านไปทำไมท่องไปจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วพรุ่งนี้ก็จะเป็นอย่างงี้อีก อีกสองงปีก็จะยังเป็นอย่างนี้ หนูได้อะไรจากการทำแบบนี้? เวลาหนูออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วเงินไม่พอ หนูก็สงสัยอีกว่าทำไมหนูถึงมีมากกว่านี้ไม่ได้? พอเห็นคนอื่นถือกระเป๋าสวยๆแพงๆหนูสงสัยค่ะ ว่าทำไมหนูถึงไม่มีบ้าง? หนูเกลียดตัวเองค่ะ ที่เป็นแบบนี้ เกลียดตัวเองที่ทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ เกลียดตัวเองที่ไม่ยอมทำ หนูเกลียดที่มหาลัยทำให้ชีวิตของหนูเป็นแบบนี้ ที่ทำให้หนูเปลี่ยนเป็นคนแบบนี้ ที่แย่ที่สุดในชีวิต ที่หนูเสียใจที่สุดในชีวิตเลย คือแม่ของหนูตั้งแต่โตมา ท่านไม่เคยต้องทำงานค่ะ แต่พอหนูมาเข้ามหาลัย ท่านก็เริ่มทำงาน ขายอาหารที่ตลาดนัด ท่านบอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรทำเลย หนูก็ไปอยู่หอ พี่สาวก็ทำงานไปแล้ว เหลือแต่น้องซึ่งลำพังขายอาหารที่นี่ท่านยังไปรับไปส่งน้องได้ รู้สึกแย่ค่ะที่ต้องเห็นแม่เหนื่อย รู้สึกแย่กับน้องด้วย เพราะน้องไม่ค่อยได้อยู่บ้านกับแม่ แม่ไปรับน้องมาส่งบ้านแล้วก็ไปทำงานต่อ บางทีก็ให้น้องกลับเอง ตอนหนู หนูเรียนพิเศษเสร็จก็จะนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีไกล้บ้านแล้วแม่ก็จะมารับที่สถานี รพชะหว่างนั้นก็จะได้คุยกับแม่เรื่องที่เรียนมาเรื่องอนาคตที่เราคิดไว้เรื่องมหาลัย หรือวันไหนเหนื่อยมากยืนรอแม่ไม่ไหวก็จะกลับเอง แต่กลับบ้านไปก็จะมีแม่ทำกับข้าวอยู่ กับข้าวเต็มโต้ะได้กินข้าวด้วยกัน แต่น้องไม่มีค่ะ ต้องกลับเอง กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไร มีแต่ข้าวที่พี่เลี้ยงทำไว้ให้ กินคนเดียว เสร็จก็ขึ้นห้องไปอยู่คนเดียว กลัวน้องจะรู้สึกขาดค่ะ หนูไม่อยากมาอยู่หอค่ะรั้งจนวินาทีสุดท้าย เพราะหนูอยากอยู่บ้านกับครอบครัว แต่มหาลัยอยู่ไกลจากที่บ้านมาก พ่อแม่มารับส่งไม่ไหวท่านเลยให้อยู่หอ ตอนนี้กลับบ้านไปไม่มีใครค่ะ มีแต่พี่เลี้ยงกับหมา แม่ไม่อยู่บ้าน พ่อยังไม่กลับบ้าน กลับมาก็แทบไม่ได้เจอเพราะท่านจะอยู่แต่ในห้องทำงาน ออกไปช่วยงานแม่ที่ร้านอาหารตลอดค่ะ แต่ที่นั่นหนูจะได้ทำการบ้านของมหาลัยน้อยมาก เลยอยู่บ้านซะส่วนใหญ่ กินข้าวที่พี่เลี้ยงทำ บางทีก็ไม่มีให้พี่เลี้ยงทอดไข่ให้บ้างผัดอะไรง่ายๆบ้าง กลับเข้าบ้านมาเห็นทีวีในห้องนั่งเล่นเหมือนเป็นแค่ของตกแต่งบ้าน เพราะไม่มีอีกแล้วช่วงเวลาที่ครอบครัวมานั่งดูทีวีด้วยกัน ทรูวิชั่นที่เคยติดแบบแพลตตินั่มเพราะที่บ้านชอบนั่งดูหนังด้วยกันมากๆ ตอนนี้เหลือแค่ช่องธรรมดา โต้ะในห้องนั่งเล่นจะเลี้ยงปลาทองไว้ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรค่ะ เหลือแต่โต้ะเปล่าๆ ปลาทองตายหมดแล้ว หมาเริ่มแก่ค่ะ ไม่มีใครพาไปหาหมดขนก็ไม่ได้ตัด เพราะไม่มีใครมีเวลา หนูจะพาไปก็ไม่มีเงินพอ แม่จะหยุดงานทุกวันจันทร์ค่ะ แต่วันจันทร์ถึงศุกร์หนูมีเรียนทุกวันถึงเย็นเพราะลงเรียนเต็มmax พอพยายามจัดตารางเรียนให้ว่างวันจันทร์ก็ทำไม่ได้เลยค่ะ ตารางพังหมด ไม่มีวันเลยค่ะที่จะได้นอนดูหนังกับแม่หรืออยู่บ้านทาเล็บกับแม่นอนเล่นหมากับครอบครัวไปเยาวราชกับพ่อแม่ ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา ไม่เคยเลยค่ะสักวัน ครอบครัวนับวันยิ่งขาดกันไปค่ะ มีวันนึงไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน เงียบทั้งโต้ะไม่รู้จะคุยอะไรดี หนูก็รับรู้นะคะ แต่ว่าหนูสนิทกับพ่อแม่เลยชวนคุยพูดคุยปกติ แต่ความรู้สึกที่เหมือนทุกคนพยายามทำให้เหมือนว่าทุกอย่างมันเมือนเดิม มันคือความไม่เหมือนเดิมค่ะ กลับบ้านทีไรหดหู่ใจทุกที รอแทบไม่ไหวที่จะให้สิ่งที่พยายามมาเห็นผล หันไปทางพ่อเห็นพ่อคนเดียวดูแลค่าใช้จ่ายทั้งบ้าน แค่คิดก็ร้องไห้แล้ว อยากเรียนจบไวๆให้ได้รู้ไปเลยว่าจะดูแลท่านทั้งสองได้ไหม อยากเอาชีวิตชีวาในบ้านกลับมา แต่ใจหนูไม่สู้แล้ว หนูเหนื่อย หนูกลัวว่าสิ่งที่เป็นเป้าหมายเดียวในชีวิตหนูจะทำมันไม่ได้ พอหนูเริ่มคิดมากขนาดนี้ หนูอยากหันไปหาใครสักคนค่ะ เพื่อนค่ะ หนูต้องการเพื่อน แต่ไม่มี หนูไม่มีใคร ชีวิตของหนูตอนเด็กเป็นชีวิตเพื่อนทุกคนอิจฉา พอเริ่มโตขึ้น หนูเริ่มเสียมันไปทีละอย่าง ต้องยืมเงินเพื่อน กินมาม่า รู้สึกแย่ที่คิดอะไรโง่ๆแบบนี้ แต่หนูรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น จากที่ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวทุกๆปิดเทอม ตอนนี้หนูไม่ได้ไปไหนค่ะ จะไปต่างจังหวัดยังได้เงินมา2000 แค่ค่าที่พักก็หมดแล้ว กับเมื่อก่อน ไปพัทยาได้มา6000 (จนถึงตอนนี้หนูอยากให้ทุกคนเข้าใจนะคะ ว่าหนูก็รับรู้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนที่2000ใช้ชีวิตได้ทั้งเดือน แต่อยากให้มองในมุมมองของหนูหน่อยค่ะ มองเข้ามาในสังคมที่หนูอยู่ เรื่องอื่นหนูประหยัดนะคะแต่ถ้ามาเที่ยวกับเพื่อนๆเค้าพักที่ไหนหนูก็พักที่นั่น เค้ากินที่ไหนหนูก็กินที่นั่น อยากให้ทุกคนมองตรงจุดนี้ค่ะ) หนูอาจจะเห็นแก่ตัว แต่พ่อแม่ของหนูให้ได้ค่ะ หนูไม่ได้ขอบ่อย ให้คิดว่าเป็นรางวัลให้หนูพักผ่อนก็ได้ แต่ไม่ได้ค่ะ หนูยิ่งรู้สึกเหมือนความสำคัญของหนูลดน้อยลง ตอนนี้ไม่เหลือแล้วค่ะ เหลืออย่างเดียวคือพ่อแม่ ที่ตอนนี้หนูเริ่มจะจับไว้ไม่อยู่แล้ว หนูคิดเสมอว่า เงินไม่พอใช้ไม่เป็นไร เรียนเหนื่อยไม่เป็นไร ขอแค่หนูยังสุขใจ แต่ไม่ค่ะ ตอนนี้ใจหนูก็ไม่มีความสุขอีกแล้ว เมื่อก่อนเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็ยังมีแม่มาห่มผ้าห่มให้ มีพ่อคอยถามว่าเหนื่อยมาก ตอนนี้ไม่มีค่ะ สิ่งที่หนูกลัวตัวเองมาตลอดคือ หนูคิดจะฆ่าตัวตายตลอดเวลา พอเผลอใจไปคิด หนูจะดึงพ่อแม่เข้ามาลบความคิดนั้นไป กลายเป็นว่า ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้วหนูก็จะตามท่านไปแน่นอน หนูอยากไปแล้วจริงๆ แต่แค่คิดว่าพ่อแม่จะเสียใจหนูก็ทนไม่ได้แล้ว หนูเริ่มกลัวว่าจะรักพ่อแม่น้อยลงแล้วลืมความจริงข้อนี้ไป เป้าหมายสูงสุดในชีวิตหนูอีกอย่างเลยคือ หนูอยากมีลูกค่ะ อย่างเลี้ยงลูกค่ะ แต่ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 21ปี ยังไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ แต่อันนี้ไม่เป็นปัญหาอะไรค่ะ เพราะคิดว่าจะรับเลี้ยงแบบลูกบุญธรรมเอาก็ได้ หนูมีหลายอย่างอยู่ในหัวเลยค่ะ ที่อยากจะเขียนเล่าเขียนบอกให้ทุกคนได้อ่านเผื่อจะช่วยหนูคิดได้ว่าอะไรมันคือปมของทุกอย่างกันแน่ หนูอยากเข้าใจตัวเองค่ะ แต่จะให้ไประบายความรู้สึกของตัวเองบนเฟสบุ้คหนูก็ไม่ชอบค่ะ ไม่ชอบเขียนอะไรลงให้คนอื่นรู้ ไม่อยากให้พ่อแม่และคนรอบตัวรู้ว่าหนูเป็นอะไรคิดอะไร ปัจจุบันหนูกำลังปล่อยตัวเองค่ะ หนูไม่เรียนโดดเรียนอยู่แต่ในหอนอนเฉยๆ ไม่อยากทำอะไรเลย นอนฟังเพลงเฉยๆในห้องค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หนูซื้อตั๋วไปเชียงใหม่ไปเที่ยวค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนสักที่นึงที่ไม่มีใครรู้จัก อยากไปที่ไกลๆ ที่ๆมีแต่เราคนเดียว ใจหนูเหมือนกระเป๋าที่เก็บเรียบร้อยแล้ว แต่ไปไม่ได้ เพราะชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น แต่ชีวิตนั้นสุดท้ายก็ต้องตาย ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหนื่อย หนูไม่รู้จะเหนื่อยไปทำไมสุดท้ายแล้วพ่อแม่ก็ต้องตาย หนูเองก็ต้องตาย ทุกคนก็ต้องตาย มีชีวิตอยู่ยิ่งจะต้องเสียใจ เหนื่อยจนตาย เด็กหลายๆคนอยากรีบโตค่ะ อยากรู้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเป็นยังไง หนนูก็เคยคิดค่ะ แต่ยิ่งเข้าไกล้เท่าไหร่หนูยิ่งกลัว หนูอยากจากไปตอนที่อย่างน้อยหนูก็ยังมีความสุขอยู่ หนูไม่อยากตายตอนกลับมาจากทำงานทั้งๆที่อยากไปเที่ยวรอบโลก ไม่อยากตายตอนที่รอให้หลานมาเยี่ยม ไม่อยากตายตอนที่นั่งกินข้าวคนเดียว..
อ่านมาจนถึงตอนนี้หนูรู้สึกขอบคุณมากนะคะ หนูรู้สึกเหมือนได้ระบายออกมา แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ว่ายังไม่หมดยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ในใจหนูแต่มันเขียนออกมาไม่ได้ หนูยินดีอ่านทุกคำติและคำแนะนำทุกอย่างนะคะ ขอบคุณค่ะ
*แก้คำผิดบางส่วนค่ะ